ขนุน ทางภาคอีสานเรียกว่า บักมี่ ภาคเหนือเรียกปาหนุน ภาคใต้เรียก หนุน กาญจนบุรีเรียก กระนู
มีชื่อสามัญว่า Jack fruit ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus heterophyllus lam.
ถิ่นกำเนิดของขนุนอยู่ที่ประเทศอินเดีย จากนั้นได้แพร่หลายไปบนผืนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยกระบวนการค้าที่ติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้ากันในแถบนี้ขนุนได้รับควานิยมอย่างมากโดยเฉพาะในแหลมมลายู
มีชื่อสามัญว่า Jack fruit ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Artocarpus heterophyllus lam.
ถิ่นกำเนิดของขนุนอยู่ที่ประเทศอินเดีย จากนั้นได้แพร่หลายไปบนผืนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยกระบวนการค้าที่ติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้ากันในแถบนี้ขนุนได้รับควานิยมอย่างมากโดยเฉพาะในแหลมมลายู
ได้ชื่อว่า แจ็กฟรุต ( jack fruit) คำว่า jack มาจากคำว่า จากา ( jaka) เป็นภาษาโปรตุเกส ซึ่งก็เพี้ยนมากคำพื้นเมืองมลายู
คือ จัคคา ( Chakka) แปลว่า "กลม" อีกที่หนึ่ง คำว่า แจ๊กฟรุตนี้ เรื่มปรากฎครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 17
คือ จัคคา ( Chakka) แปลว่า "กลม" อีกที่หนึ่ง คำว่า แจ๊กฟรุตนี้ เรื่มปรากฎครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 17
ขนุนไม่ได้เป็นผลไม้พื้นเมืองของไทย แต่ก็ไม่ปรากฎหลักฐานใดที่จะอ้างอิงได้ว่าใครนำขนุนเข้าปลูกเมื่อไหร่หรืออย่างไร
แต่เดิมดินแดนสยามก็มีขนุนมาตั้งแต่ครั้งสมัยพ่อขุนรามคำแหง ดังที่กล่าวไว้ในศิลาจารึกว่า
"ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลางก็หลายในเมืองนี้ คำว่า "ลาง" เป็นภาษาไทใหญ่ หมายถึง "ขนุน"
ครั้นล่วงถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ปรากฎว่าได้กล่าวไว้ในจดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เรื่อง
" คณะฑูตลังกามาประเทศสยาม" ว่าคนสายามได้มีการในสิ่งของต้อนรับ หนึ่งในนั้นมีขนุน 11 ผลด้วย
แต่เดิมดินแดนสยามก็มีขนุนมาตั้งแต่ครั้งสมัยพ่อขุนรามคำแหง ดังที่กล่าวไว้ในศิลาจารึกว่า
"ป่าพร้าวก็หลายในเมืองนี้ ป่าลางก็หลายในเมืองนี้ คำว่า "ลาง" เป็นภาษาไทใหญ่ หมายถึง "ขนุน"
ครั้นล่วงถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ก็ปรากฎว่าได้กล่าวไว้ในจดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เรื่อง
" คณะฑูตลังกามาประเทศสยาม" ว่าคนสายามได้มีการในสิ่งของต้อนรับ หนึ่งในนั้นมีขนุน 11 ผลด้วย
คนไทยนิยมปลูกขนุนไว้ตามบ้าน เพราะเชื่อว่า "ขนุน" เป็นนามมงคล ปลูกไว้ในบ้านไหน
ก็จะให้ความเป็นสิริมงคลทำให้บ้านนั้นได้รับการเกื้อกูล หนุนเนื่องให้รุ่งเรืองในชีวิตและอาชีพการงาน
ก็จะให้ความเป็นสิริมงคลทำให้บ้านนั้นได้รับการเกื้อกูล หนุนเนื่องให้รุ่งเรืองในชีวิตและอาชีพการงาน
ขนุนเป็นไม้ยืนต้นเนื้อแข็ง ตะกูลเดียวกับต้นสาเกลำต้นใหญ่ มียางขาวทั้งต้น
ใบออกแบบสลับ รูปร่างกลมรีใบสีเขียวเข้มเรียบเป็นมัน เนื้อใบเหนียวและหนา ดอกออกเป็นช่อสีเขียว
ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผู้ออกบริเวณปลายกิ่งหรือออกใบ เป็นแท่งยาว
ช่อดอกตัวเมียเป็นแท่งกลมยาว ออกตามลำต้นหรือกิ่งก้านใหญ่ ขนุนให้ผลดก
ต้นที่สมบูรณ์สามารถให้ผลได้เต็มที่มากถึง 200-300 ผล ผลขนุนเติบโตมาจากดอกเล็ก ๆ นับร้อยนับพันที่ผสานกัน
เมื่อติดผลจำนวนนับร้อยเป็นยวงหุ้มเมล็ด (ยวงคือเนื้อขนุนส่วนที่นำมากิน) มีซังเป็นเส้น ๆ รองรับ เกาะเรียงกันบนแกนขนุน
มีเปลือกหุ้มยางทั้งหมอ จึงทำให้ดูคล้ายเป็นผลเดียวกัน ลักษณะเดียวกับสับปะรด
ผลดิบเปลือกสีเขียวสด มีหนามทู่เล็ก ๆ รอบผล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 20- 35 ซม.
หากกรีดเปลือกจะมียางเหนียว สีขาวไหลเยิ้มออกมา เมื่อขนุนแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง
หนามบนผิวเปลือกจะแบนป้านออกภายในผลจะมีซังขนุนเป็นเส้น ๆ หุ้มยวงสีเหลืองไว้ ภายในยวงมีเมล็ดกลมรี สีเครีม เปลือกหุ้มเมล็ดบาง
ใบออกแบบสลับ รูปร่างกลมรีใบสีเขียวเข้มเรียบเป็นมัน เนื้อใบเหนียวและหนา ดอกออกเป็นช่อสีเขียว
ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผู้ออกบริเวณปลายกิ่งหรือออกใบ เป็นแท่งยาว
ช่อดอกตัวเมียเป็นแท่งกลมยาว ออกตามลำต้นหรือกิ่งก้านใหญ่ ขนุนให้ผลดก
ต้นที่สมบูรณ์สามารถให้ผลได้เต็มที่มากถึง 200-300 ผล ผลขนุนเติบโตมาจากดอกเล็ก ๆ นับร้อยนับพันที่ผสานกัน
เมื่อติดผลจำนวนนับร้อยเป็นยวงหุ้มเมล็ด (ยวงคือเนื้อขนุนส่วนที่นำมากิน) มีซังเป็นเส้น ๆ รองรับ เกาะเรียงกันบนแกนขนุน
มีเปลือกหุ้มยางทั้งหมอ จึงทำให้ดูคล้ายเป็นผลเดียวกัน ลักษณะเดียวกับสับปะรด
ผลดิบเปลือกสีเขียวสด มีหนามทู่เล็ก ๆ รอบผล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 20- 35 ซม.
หากกรีดเปลือกจะมียางเหนียว สีขาวไหลเยิ้มออกมา เมื่อขนุนแก่เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง
หนามบนผิวเปลือกจะแบนป้านออกภายในผลจะมีซังขนุนเป็นเส้น ๆ หุ้มยวงสีเหลืองไว้ ภายในยวงมีเมล็ดกลมรี สีเครีม เปลือกหุ้มเมล็ดบาง
ขนุนมีหลายพันธุ์หลายสี หลายเนื้อและหลายระดับความหวานซังขนุนบางผลจะหวานหอม
เช่นเดียวกับยวงนำมากินได้เช่นเดียวกับเนื้อขนุน แต่ซังขนุนส่วนมากมักเหนียว รสหวานจือซืด
จึงถูกทิ้ง ขนุนมีหลายขนาด ขนาดใหญ่หนักถึง 40 กิโลกรับ นับเป็นผลไม้ผลใหญ่ที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหลายทั้งปวงในโลก
ขนุนมีมากมายหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ขุนวิชาญ อีถ่อ แม่น้อยทะวาย และละแม เป็นต้น
เช่นเดียวกับยวงนำมากินได้เช่นเดียวกับเนื้อขนุน แต่ซังขนุนส่วนมากมักเหนียว รสหวานจือซืด
จึงถูกทิ้ง ขนุนมีหลายขนาด ขนาดใหญ่หนักถึง 40 กิโลกรับ นับเป็นผลไม้ผลใหญ่ที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหลายทั้งปวงในโลก
ขนุนมีมากมายหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ขุนวิชาญ อีถ่อ แม่น้อยทะวาย และละแม เป็นต้น
- ขนุนที่นิยมปลูกมีดังต่อไปนี้
- พันธุ์ตาบ๊วย เนื้อสีจำปาออกส้มเหลือง ผลขนาดใหญ่เนื้อหนา หวานกรอบ
- พันธุ์ฟ้าถล่ม ขนาดใหญ่หนักถึง 20-30 กิโลกรับ ลูกค่อนข้างกลม เนื้อหนา สีเหลืองทอง รสหวานสนิท
- พันธุ์ทองสุดใจ ผลขนาดใหญ่ มีน้ำหนักถึง 25 กิโลกรัม รูปร่างยาว เนื้อสีเหลือง แห้งกรอบ รสหวานปานกลางไม่หวานจัดเท่าฟ้าถล่ม
- พันธุ์จำปากรอบ เนื้อสีจำปา เนื้อไม่หนาเท่าไร รสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ ผลมีขนาดกลาง น้ำหนัก 15- 18 กิโลกรัม
- ขนุนออกดอกตลอดปี จึงมีขนุนสุกให้กินตลอดปีเช่นกัน ในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม
เป็นฤดูกาลที่ขนุนสุกมากที่สุด แหล่งปลูกอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง นครปฐม นครสวรรค์ พิษณุโลก และอุตรดิตถ์
- เนื้อขนุนสุกเป็นเครื่องชูกลิ่นชูรสขนมหวานอื่น ๆ ได้ดี เช่น ฉีกใส่ไอศกรีมกะทิสด ลอดช่องสิงคโปร์
รวมมิตรหวานเย็น และใส่ในน้ำเชื่อม จะได้ทั้งกลิ่นและรสชาติอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของขนุน
นอกจากนี้คนโบราณยังเอาขนุนไม่ทำเป็นหน้าข้าวเหนียวมุนเพือชูกลิ่นหอม
มีรสหวานจัดเข้ากันได้ดีกับความมันเหนียวของข้าวเหนียวมูน
ขนุนสุกนำไปอบแห้งเป็นขนุนแห้งพร้อมกินเป็นของว่างคนอินโดนีเซียใช้ขนุนแห้งมารับแขกต่างชาติอย่างภาคภูมิใจ
ในประเทศไทยมีขนุนอบแห้งบรรจุถุงออกมาขายอยุ่บ้าง แต่ไม่แพร่หลาย ส่วนขนุนอ่อนนำมาใช้เป็นผักปรุงอาหารได้
ในประเทศไทยมีขนุนอบแห้งบรรจุถุงออกมาขายอยุ่บ้าง แต่ไม่แพร่หลาย ส่วนขนุนอ่อนนำมาใช้เป็นผักปรุงอาหารได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น